
เมื่อพูดถึงสโมสรที่มี โมเดลธุรกิจการซื้อ-ขายกองหน้า คมกริบและทำกำไรอย่างต่อเนื่องในเวทีฟุตบอลยุโรป คงไม่มีใครเกินหน้า ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต อีกแล้ว ในระยะเวลาเพียงแค่ 6 ปี ทีมดังแห่งบุนเดสลีกานี้ลงทุนเพียงราว 2 พันล้านบาท แต่กลับปั้นนักเตะขายออกไปโกยรายได้รวมทะลุ 18,000 ล้านบาท หักลบต้นทุนแล้วฟันกำไรเน้นๆ กว่า 16,423 ล้านบาท! นี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ความแหลมคมของฝ่ายแมวมองและนโยบายของสโมสร ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในตลาดนักเตะยุโรปได้อย่างสง่างาม
แฟร้งค์เฟิร์ตถือเป็นสโมสรที่วางรากฐานนโยบายเสาะหาศูนย์หน้าดาวรุ่งที่เต็มไปด้วยศักยภาพจากทั่วทั้งยุโรป ก่อนจะดึงเข้ามาพัฒนาอย่างเป็นระบบภายในทีมชุดใหญ่ เมื่อถึงจุดที่พร้อมที่สุด ก็ไม่ลังเลที่จะปล่อยออกไปในราคาที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยการวางแผนที่รัดกุม และนี่คือดีลสำคัญๆ ที่กลายเป็นแม่แบบของการปั้นกองหน้าให้ขายได้ราคามหาศาล
เซบาสเตียง อาลแลร์ ก้าวแรกสู่ความสำเร็จเริ่มจากหัวหอกเฟรนช์แมนที่ถูกซื้อมาจากอูเทร็คท์ในปี 2017 ด้วยค่าตัวแค่ 12 ล้านยูโร (ประมาณ 468 ล้านบาท) ก่อนจะระเบิดฟอร์มยิงไป 33 ประตูรวมทุกรายการ สร้างชื่อในเวทีเยอรมันจนเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยอมทุ่ม 50 ล้านยูโร (ประมาณ 1,950 ล้านบาท) คว้าตัวไปในปี 2019 ดีลนี้แฟร้งค์เฟิร์ตฟันกำไรเน้นๆ กว่า 1,400 ล้านบาท
ลูก้า โยวิช คืออีกหนึ่งตัวอย่างความเฉียบของทีมแมวมอง ดาวยิงเซิร์บถูกยืมตัวจากเบนฟิก้าในปี 2017 ก่อนซื้อขาดในปี 2019 ด้วยราคาแค่ 22.4 ล้านยูโร (874 ล้านบาท) แล้วปั้นจนพุ่งทะยานในซีซั่น 2018/19 พาทีมลุยถึงรอบรองฯ ยูโรปาลีก ซัดประตูถล่มทลายจนเรอัล มาดริด ทุ่มซื้อไป 63 ล้านยูโร (2,457 ล้านบาท) ดีลนี้ทำกำไรให้สโมสรเกือบ 1,600 ล้านบาท
ร็องดาล โกโล่ มูอานี่ ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2022 พวกเขาดึงตัวหัวหอกจากน็องต์มาแบบฟรีๆ ก่อนที่ฤดูกาลเดียวเขาจะระเบิดผลงานยิง-จ่ายทะลุ 40 ประตูรวมทุกรายการ จนปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยอมจ่ายก้อนโตถึง 95 ล้านยูโร (3,705 ล้านบาท) เพื่อดึงกลับบ้านเกิด กำไรครั้งนี้มหาศาลแบบไม่ต้องลงทุนแม้แต่ยูโรเดียว
โอมาร์ มาร์มูช อีกหนึ่งเพชรเม็ดงามจากตลาดฟรีทรานสเฟอร์ เมื่อปี 2023 แฟร้งค์เฟิร์ตดึงตัวจากโวล์ฟสบวร์กมาแบบไร้ค่าตัว แล้วใช้เวลาเพียงแค่ปีครึ่งก็ปล่อยไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 75 ล้านยูโร (2,925 ล้านบาท) มาร์มูชฝากผลงานความเร็วและความหลากหลายทางแท็กติกในเกมรุก จนเรือใบสีฟ้าต้องควักกระเป๋ากระชากตัวไปร่วมทีมช่วงตลาดหน้าหนาว
อูโก้ เอกิติเก้ ดีลล่าสุดที่ยืนยันว่าโมเดลแฟร้งค์เฟิร์ตยังคงคมกริบ พวกเขาซื้อมาจากเปแอสเชในปี 2024 ด้วยค่าตัวแค่ 17.5 ล้านยูโร (682.5 ล้านบาท) แม้จะอยู่เพียงแค่ฤดูกาลเดียว แต่โชว์แววซัดประตูสำคัญและมีส่วนร่วมกับเกมรุกอย่างโดดเด่น จนลิเวอร์พูลยอมทุ่มถึง 95 ล้านยูโร (3,705 ล้านบาท) คว้าตัวในซัมเมอร์ 2025 ดีลนี้กำไรสุทธิกว่า 3,000 ล้านบาทในเวลาเพียงปีเดียว
สรุปภาพรวมธุรกิจ 6 ปีของแฟร้งค์เฟิร์ต
- เงินลงทุนซื้อกองหน้ารวม: 51.9 ล้านยูโร (ประมาณ 2,024 ล้านบาท)
- รายได้จากการขายทั้งหมด: 473 ล้านยูโร (ประมาณ 18,447 ล้านบาท)
- กำไรสุทธิ: 421.1 ล้านยูโร (ประมาณ 16,423 ล้านบาท)
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า แฟร้งค์เฟิร์ต ไม่ได้เพียงแค่ปั้นนักเตะเพื่อสร้างชื่อเสียง แต่ยังสร้างรายได้มหาศาลที่ทำให้สโมสรมั่นคงและเติบโตในระยะยาว พวกเขากลายเป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการสโมสรที่น่าศึกษาในยุคที่ค่าตัวนักเตะพุ่งสูง และแสดงให้เห็นว่า “การมองการณ์ไกลและแม่นยำ” คือหัวใจของความสำเร็จในธุรกิจฟุตบอลยุคใหม่
ติดตามข่าวฟุตบอลสุดเข้มข้นแบบนี้ได้ทุกวันที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา