
โลกการเงินสะเทือนอีกระลอก! Bitcoin หรือ BTC/USD ทะยานทะลุแนวต้านสำคัญ พุ่งขึ้นทำ สถิติสูงสุดใหม่ ที่ระดับ 112,055 ดอลลาร์ หลังจากสะสมพลังนานหลายสัปดาห์ในกรอบ 105,000–110,000 ดอลลาร์ การทะลุเพดานนี้ไม่เพียงแค่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดคริปโต แต่ยังทำให้ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกคึกคักตามไปด้วย
ผู้เขียนในฐานะผู้หญิงที่เฝ้าติดตามตลาดการเงินมาตลอด ต้องบอกว่า การวิ่งของ Bitcoin ครั้งนี้ต่างจากหลายครั้งที่ผ่านมา เพราะแรงขับเคลื่อนหลักมาจาก สถาบันการเงินและบริษัทจดทะเบียนระดับโลก ที่เข้ามาถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง ตัวเลขล่าสุดเผยว่า กองทุน ETF Bitcoin สหรัฐ มียอดไหลเข้าสะสมทะลุ 50,000 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกันบริษัทจดทะเบียนเพิ่มการถือครองบิทคอยน์ในไตรมาส 2/2025 ถึงกว่า 159,000 BTC มูลค่ากว่า 17,600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 23% จากไตรมาสก่อนหน้า จนตอนนี้บริษัทต่างๆ ถือ Bitcoin รวมแล้วกว่า 847,000 BTC คิดเป็นราว 4% ของซัพพลายทั้งหมดของโลก
สัญญาณจากตลาดหุ้นและนโยบายการเงินสหรัฐเสริมแรง
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่หนุนราคาคือสัญญาณจากการประชุม Fed ที่ออกมาในโทนผ่อนคลายกว่าคาด หลายเสียงในคณะกรรมการสนับสนุนการลดดอกเบี้ยเร็วที่สุดในเดือนกรกฎาคม ทำให้กระแสเงินทุนไหลเข้าทรัพย์สินเสี่ยง ขณะที่ตลาดหุ้น NASDAQ ก็วิ่งทำนิวไฮเช่นกัน โดย Nvidia แซงมูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ไปแบบเฉียดฉิว
นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นการคลังขนาดใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงการขยายเพดานหนี้และการเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ กำลังสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อและอาจกระตุ้นให้ประชาชนและนักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเสื่อมค่าของเงินตรา เรียกได้ว่า “กระแสเงินกำลังถูกเปิดก๊อกเต็มที่”
วิเคราะห์เชิงเทคนิค BTC/USD และมุมมองตลาด
มุมมองเทคนิคของ Bitcoin/USD ชี้ว่า ราคาทะลุกรอบ “bull flag” ขึ้นมาเหนือแนวต้านสำคัญ 110,000 ดอลลาร์และไปแตะ 112,055 ดอลลาร์ จุดแนวรับหลักอยู่ที่ 110,000 และ 107,000 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 120,000 และมีเป้าหมายระยะกลางที่ 134,886 ดอลลาร์ตามโมเดลวัดการเคลื่อนไหวก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Peter Brandt เตือนว่า แม้เขายังถือสถานะ long แต่รูปแบบกราฟปัจจุบัน (สามเหลี่ยมกลับหัวขยาย) มีความเปราะบาง และไม่ควรเชื่อมั่นเกินไป แต่หากราคาไม่หลุดแนวรับ 107,000 ดอลลาร์ โอกาสทะยานต่อยังคงเปิดอยู่
หากนักลงทุนรายย่อยกลับมา BTC อาจทะยานแรงกว่าเดิม
ที่น่าสนใจคือการปรับขึ้นรอบนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยนักลงทุนรายย่อย (retail) แต่เป็นสถาบันและบริษัทใหญ่ ข้อมูลจาก Santiment ระบุว่ารายย่อยจำนวนมากเทขายไปก่อนหน้านี้เพราะความลังเลและไม่เชื่อมั่น ซึ่งเป็นลักษณะที่มักเกิดก่อนรอบขาขึ้นใหญ่ หากนักลงทุนรายย่อยกลับเข้ามา FOMO (fear of missing out) อาจผลักดันราคาขึ้นไปไกลกว่านี้อีกมาก
แนวคิดการป้องกันความเสี่ยงในยุคเงินเฟ้อ
สำหรับนักลงทุนระยะยาว Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือ “hedge” ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เหมือนที่ทองคำเคยเป็นมาในยุค 1980 เพราะซัพพลายจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ทำให้ยังเป็นที่ต้องการของนักลงทุนในยามที่ค่าเงินดอลลาร์ถูกเจือจางจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
สิ่งที่ต้องระวังในระยะสั้น
แม้ทิศทางหลักจะยังเป็นขาขึ้น แต่อย่าลืมว่าความผันผวนในตลาดคริปโตยังสูงมาก การปล่อยสภาพคล่องมหาศาลของสหรัฐในเดือนสิงหาคมอาจกระตุ้นความร้อนแรงของตลาดในระยะสั้น แต่ก็เสี่ยงต่อแรงขายทำกำไรเป็นช่วงๆ เช่นกัน สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ควรจับตาราคาที่แนวรับสำคัญและทยอยสะสมเมื่อย่อตัว
สรุป
การทำสถิติสูงสุดครั้งนี้ของ Bitcoin/USD คือผลลัพธ์จากปัจจัยมหภาค การไหลเข้าของเงินทุนสถาบัน และความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะทางเลือกป้องกันความเสี่ยง แต่ก็ต้องระวังรูปแบบราคาที่ไม่มั่นคงและความผันผวนที่สูง สำหรับใครที่ยังลังเล การสะสมอย่างมีวินัยในช่วงย่อตัวอาจเป็นทางเลือกที่ดี เพราะหากกระแสนักลงทุนรายย่อยกลับมาเต็มรูปแบบ รอบนี้อาจเป็นอีกบทสำคัญของประวัติศาสตร์คริปโต
ติดตามข่าวกระแสมาแรงแบบสดใหม่ทุกวันได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา