
วงการลูกหนังไทยสะเทือนอย่างเป็นทางการ! เมื่อ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เดินหน้าเปิดเกมใหญ่ในระดับชาติ ด้วยการประกาศชื่อพันธมิตรร่วมรายใหม่ที่คว้าสิทธิ์การถ่ายทอดสด ฟุตบอลไทยลีก และรายการสำคัญระดับประเทศทั้งหมดอย่างเป็นทางการ ระหว่างฤดูกาล 2025/26 ถึง 2028/29 โดยมีเงื่อนไขขยายสัญญาออกไปได้อีก 2 ปีภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงไว้ รวมมูลค่าเม็ดเงินสูงสุดกว่า 2,000 ล้านบาท
กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้คือการผนึกกำลังกันระหว่าง AIS (แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส), GULF (กัลฟ์ ดิเวลลอปเม้นท์) และ JAS (จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล) ที่เข้ามาถือครอง ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยทุกระดับแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งในส่วนของลีกอาชีพ รายการถ้วย และลีกเยาวชน นับเป็นดีลยักษ์ใหญ่ที่ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ แต่ยังหมายถึงก้าวสำคัญในการยกระดับวงการลูกหนังไทยในมิติเชิงโครงสร้างแบบเต็มระบบ
รายละเอียดของดีลนี้ระบุชัดเจนว่า
- ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดรวม 4 ปีอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 350 ล้านบาท
- ค่าผลิตรายการถ่ายทอดสด (โปรดักชั่น) ผู้ถือลิขสิทธิ์รับผิดชอบไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาทต่อปี รวมตลอดสัญญาไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท
- รายได้รวมที่สมาคมฯ จะได้รับจากดีลนี้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดเท่าที่เคยมีในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย
รายการที่ครอบคลุมในการถ่ายทอดสดประกอบด้วย
- ไทยลีก 1, ไทยลีก 2, ไทยลีก 3
- ช้าง เอฟเอ คัพ, รีโว่ คัพ
- ลีกเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
- ฟุตบอลหญิงลีก 1 และ 2
สิ่งที่น่าจับตาไม่น้อยกว่าลิขสิทธิ์ คือการที่ “มาดามแป้ง” เดินหน้าเสนอแนวทางเพิ่ม เงินสนับสนุนแบบให้เปล่าแก่สโมสรสมาชิกทุกระดับลีก โดยที่ประชุมสภากรรมการสมาคมฯ มีมติ เห็นชอบเต็มเสียง ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้
- สโมสร ไทยลีก 1 ได้รับทีมละ 15 ล้านบาท จำนวน 16 ทีม รวม 240 ล้านบาท
- สโมสร ไทยลีก 2 ได้รับทีมละ 4 ล้านบาท จำนวน 18 ทีม รวม 72 ล้านบาท
- สโมสร ไทยลีก 3 ได้รับทีมละ 1.25 ล้านบาท จำนวน 70 ทีม รวม 86.5 ล้านบาท
- รวมเงินสนับสนุนทั้งสิ้น 398.5 ล้านบาทต่อฤดูกาล ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลข สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอาชีพไทย
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ JAS ไม่ได้แค่มีบทบาทในไทยลีกเท่านั้น แต่ยังถือสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลระดับโลกอย่างเป็นทางการของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ เอฟเอ คัพ ครอบคลุม 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย, กัมพูชา และ ลาว ยาวตลอด 6 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2025/26 ถึง 2030/31
การรวมพลังของทั้งสามบริษัทเทคโนโลยีและพลังงานขนาดยักษ์ในครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ดีลธุรกิจธรรมดา แต่มันคือ “จุดเปลี่ยนแห่งอนาคตของฟุตบอลไทย” ที่จะช่วยผลักดันคุณภาพการถ่ายทอดสดให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เสริมสร้างระบบสนับสนุนแก่สโมสรจากบนลงล่าง และปูทางสู่ความยั่งยืนของวงการลูกหนังไทยในระยะยาว
นี่คือก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของผู้บริหารสมาคมยุคใหม่ และความพร้อมของเอกชนที่มองเห็นคุณค่าใน ฟุตบอลไทย ไม่ใช่แค่เกมกีฬา แต่คือหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถสร้างพลังทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมได้อย่างแท้จริง
ติดตามความเคลื่อนไหวในโลกฟุตบอลไทย ทั้งลึก ทั้งเร็ว ทั้งร้อนแรง ได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา