
สาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมลั่นสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อดีลระเบิดตลาดเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ! ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวตัวพ่อแห่งโลกฟุตบอล ออกมายืนยันเต็มเสียงด้วยวลีคุ้นหู “Here We Go!” ว่า มาเตอุส คุนญ่า ศูนย์หน้าฟอร์มเดือดจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้ตกลงย้ายมาร่วมทัพปีศาจแดงเรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าฉีกสัญญาสุดโหดถึง 62.5 ล้านปอนด์ หรือราว 2,750 ล้านบาท พร้อมเซ็นสัญญาระยะยาว 5 ปีเต็ม และเตรียมสวมเสื้อหมายเลข 10 คนใหม่ แทนที่ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เตรียมเก็บกระเป๋าย้ายออก
แหล่งข่าวเชิงลึกในตลาดนักเตะอย่าง เบน เจค็อบส์ ก็ยืนยันตรงกันกับโรมาโน่ว่า ดีลนี้ถือเป็น “หัวใจหลักของตลาดซัมเมอร์” สำหรับยุคใหม่ของปีศาจแดงภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม กุนซือเลือดโปรตุเกสที่เข้ามารับหน้าที่แทน เอริก เทน ฮาก และได้วางคุนญ่าไว้เป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง
คุนญ่า วัย 25 ปี ถูกมองว่าเหมาะสมอย่างยิ่งในการเป็นหัวหอกตัวหลักคนใหม่ของทีม โดยเขาได้ตกลงเลือกใส่ เสื้อหมายเลข 10 ซึ่งถือเป็นเบอร์เกียรติยศของสโมสร และเพิ่งว่างลงหลังจากที่ แรชฟอร์ด ซึ่งหมดสัญญายืมตัวกับ แอสตัน วิลล่า ถูกตัดออกจากแผนการทำทีมในซีซั่นหน้า
หากย้อนกลับไปดูผลงานของดาวยิงแซมบ้าในฤดูกาล 2024/25 ที่เพิ่งจบลง เขาโชว์ฟอร์มระดับมาสเตอร์คลาส ยิงไปถึง 17 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกให้กับวูล์ฟส์ จนกลายเป็นนักเตะเนื้อหอมที่หลายทีมทั่วยุโรปต่างจ้องตาเป็นมัน ไม่ว่าจะเป็น แอตเลติโก มาดริด, ยูเวนตุส หรือแม้กระทั่งบาเยิร์น มิวนิค แต่สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ทุ่มสุดตัวคว้าลายเซ็นของเขามาครองได้สำเร็จ
การย้ายทีมครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเสริมทัพธรรมดา แต่คือการแสดงออกถึงความจริงจังของอโมริมในการปฏิวัติทีมให้กลับมาอยู่แถวหน้าของวงการลูกหนังอังกฤษอีกครั้ง ด้วยการเสริมคีย์แมนที่สามารถแบกแนวรุกได้ทั้งยิงและจ่าย และที่สำคัญ ยังอยู่ในช่วงพีคของอาชีพค้าแข้ง
หลังจากนี้ คาดว่าแมนฯ ยูไนเต็ดจะเตรียมเปิดตัวคุนญ่าอย่างเป็นทางการภายในไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมกับพิธีชูเสื้อหมายเลข 10 และตอบคำถามสื่อมวลชนถึงวิสัยทัศน์ในการล่าความสำเร็จกับยอดทีมแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
การมาของคุนญ่าคือสัญญาณเตือนสโมสรอื่นในพรีเมียร์ลีกว่า ยุคใหม่ของปีศาจแดงเริ่มต้นขึ้นแล้ว และพวกเขาไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะนี่คือการลงทุนครั้งใหญ่ที่แฟนบอลรอคอยมานาน ปีศาจแดงพร้อมแล้วจะกลับมาไล่ล่าความสำเร็จแบบเต็มสูบอีกครั้งในฤดูกาล 2025/26
ติดตามความเคลื่อนไหวและดีลร้อนแรงของวงการลูกหนังได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา