
ข่าวสะเทือนโลก! สมเด็จ พระสันตะปาปาฟรานซิส (Pope Francis) ผู้นำแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก สิ้นพระชนม์แล้วอย่างสงบ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2568 (2025) เวลา 07.35 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ ที่ประทับในพระวิหารคาซา ซานตา มาร์ตา ในนครรัฐวาติกัน สิริพระชนมายุ 88 พรรษา ข่าวการจากไปครั้งนี้สร้างความโศกเศร้าไปทั่วโลก ทั้งในหมู่คริสตชน ผู้นำประเทศ และประชาชนทั่วไป
ไทม์ไลน์ เหตุการณ์สำคัญก่อนสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส
- เดือนมีนาคม 2568: สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเจเมลลี กรุงโรม เนื่องจากปอดบวมสองข้าง (double pneumonia) ที่มีอาการรุนแรง
- ต้นเดือนเมษายน 2568: แม้สุขภาพจะทรงถดถอย แต่พระองค์ยังคงเสด็จออกพบผู้นำสำคัญหลายประเทศ รวมถึง สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา แห่งสหราชอาณาจักร ที่เดินทางมาเข้าเฝ้าและถวายพระพร
- วันที่ 20 เมษายน 2568: อาการทรุดหนักอย่างรวดเร็ว มีรายงานว่าพระองค์มีภาวะหัวใจล้มเหลว (heart failure) ร่วมกับภาวะหลอดเลือดสมองตีบ (stroke)
- วันที่ 21 เมษายน 2568 เวลา 07.35 น.: สำนักวาติกันแถลงอย่างเป็นทางการว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์อย่างสงบ ณ คาซา ซานตา มาร์ตา
ปฏิกิริยาทั่วโลกต่อการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส
ทันทีที่ข่าวสิ้นพระชนม์เผยแพร่ออกไป ผู้นำจากทั่วโลกต่างร่วมกันส่งสาส์นแสดงความอาลัย เช่น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน, สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งสเปน, ผู้นำศาสนาอิสลาม, พุทธศาสนา และศาสนาต่าง ๆ พร้อมใจกันยกย่องสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสว่า เป็นบุคคลแห่งสันติภาพ ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อศรัทธา เสรีภาพ และการช่วยเหลือผู้ยากไร้
สื่อต่างประเทศรายงานว่าทั่วโลกได้ประกาศไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ อาทิ อิตาลี, สเปน, ฟิลิปปินส์, อาร์เจนตินา บ้านเกิดของพระองค์ และอีกหลายประเทศ
คุณูปการสำคัญของพระสันตะปาปาฟรานซิส
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ และพระองค์แรกจากคณะเยซูอิต พระองค์ทรงนำการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสู่คริสตจักรโรมันคาทอลิก เช่น
- ส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคม และสิทธิมนุษยชน
- เปิดกว้างในประเด็นครอบครัวสมัยใหม่ รวมถึงการยอมรับสหภาพเพศเดียวกัน
- ต่อต้านสงคราม และเรียกร้องให้ยุติโทษประหารชีวิตทั่วโลก
- ผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างของวาติกัน และการต่อต้านการทุจริตภายในศาสนจักร
ตลอดระยะเวลากว่าสิบปีที่ดำรงตำแหน่ง พระองค์ทรงเป็นผู้นำที่เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของวาติกันไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยความเรียบง่าย ใกล้ชิดประชาชน และเปี่ยมด้วยพระเมตตา
ขั้นตอนการเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่
หลังการสิ้นพระชนม์ ตำแหน่งพระสันตะปาปาว่างลงอย่างเป็นทางการ คณะพระคาร์ดินัลจึงมีหน้าที่ประชุมสภาคัดเลือกพระสันตะปาปาใหม่ หรือ “Conclave” ซึ่งจะเริ่มต้นภายใน 15-20 วันหลังตำแหน่งว่างลงตามกฎศาสนจักร
การประชุมจะจัดขึ้น ณ โบสถ์น้อยซิสทีนในนครวาติกัน โดยพระคาร์ดินัลอายุไม่เกิน 80 ปี จะเข้าร่วมเลือกตั้ง ซึ่งต้องลงคะแนนเสียงอย่างลับเพื่อเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่มานำศาสนจักรต่อไป
ประชาคมคริสต์ทั่วโลกต่างจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ผู้สืบทอดบัลลังก์นักบุญเปโตรจะเป็นใคร และจะสานต่อแนวทางของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอย่างไร
พิธีศพและสถานที่ฝังพระศพ
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงแสดงพระประสงค์ว่า ไม่ขอรับพระเกียรติยศอันโอ่อ่า แต่ขอให้ฝังพระศพอย่างเรียบง่าย ณ มหาวิหารซานตามาเรีย มาจโจเร (St. Mary Major Basilica) ซึ่งเป็นมหาวิหารเก่าแก่แห่งหนึ่งนอกนครรัฐวาติกัน
พิธีศพอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผู้นำศาสนา ผู้นำประเทศ และผู้ศรัทธาจากทั่วโลก เตรียมเดินทางมาร่วมถวายเกียรติครั้งสุดท้าย
ความสำคัญของพระสันตะปาปาในศาสนจักรโรมันคาทอลิก
ตำแหน่ง พระสันตะปาปา ถือเป็นหัวใจสำคัญของศาสนจักรโรมันคาทอลิกในฐานะ “ผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโตร” และเป็นผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณของชาวคริสต์กว่า 1,300 ล้านคนทั่วโลก พระสันตะปาปาไม่เพียงทำหน้าที่นำทางด้านความเชื่อและศีลธรรม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวกันในศาสนจักร และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสันติภาพ ความยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนในเวทีโลก
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พระสันตะปาปาแต่ละพระองค์ต่างมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของคริสตจักร ทั้งในการเผชิญกับสงคราม ความขัดแย้งทางศาสนา และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในแต่ละยุคสมัย อาทิ การต่อต้านการค้าทาส การผลักดันสันติภาพในช่วงสงครามเย็น หรือการปกป้องสิทธิผู้ลี้ภัยในยุคปัจจุบัน
สมเด็จ พระสันตะปาปาฟรานซิส ก็เช่นกัน พระองค์ทรงนำแนวทางใหม่ ๆ ที่เน้นความเมตตา ความสมถะ และการตอบสนองต่อความท้าทายสมัยใหม่ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และการเรียกร้องความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรมและศีลธรรม
มรดกทางความคิดที่พระสันตะปาปาฟรานซิสทิ้งไว้
หนึ่งในมรดกที่สำคัญที่สุดที่ พระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงทิ้งไว้ คือการเปลี่ยนโฟกัสของคริสตจักรจากการตัดสินมาตรฐานศีลธรรมอย่างเข้มงวด มาสู่การเน้น “ความเมตตา” และ “การยอมรับ” อย่างแท้จริง ทรงเรียกร้องให้คริสตชนทุกคนเป็น “คริสตชนที่ออกไปหาเพื่อนมนุษย์” แทนที่จะปิดตัวเองอยู่ในโบสถ์หรือยึดติดกับกฎเกณฑ์
นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังทรงริเริ่มเอกสารสำคัญหลายฉบับ เช่น
- Laudato si’: เรียกร้องการดูแลโลกใบนี้ในฐานะบ้านร่วมของมนุษยชาติ
- Fratelli Tutti: เชิดชูแนวคิดความเป็นพี่น้องกันของมนุษย์ทุกคน
หลักคำสอนเหล่านี้ จะยังคงส่งอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนและทิศทางของคริสตจักรไปอีกหลายสิบปีข้างหน้า
สรุป
สมเด็จ พระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงทิ้งไว้ซึ่งมรดกอันยิ่งใหญ่ในด้านความเมตตา การเรียกร้องสันติภาพ และการเปลี่ยนแปลงโลกด้วยหัวใจแห่งความรักอย่างแท้จริง โลกจะจารึกพระองค์ไว้ในฐานะพระสันตะปาปาผู้กล้าหาญ ที่นำศาสนจักรเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยความเข้าใจและมนุษยธรรมอย่างลึกซึ้ง
บ้านกีฬา ขอร่วมแสดงความอาลัยต่อการจากไปของผู้นำทางศรัทธาผู้ยิ่งใหญ่ และจะติดตามกระบวนการเลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่อย่างใกล้ชิด เพื่ออัปเดตทุกความเคลื่อนไหวให้แฟน ๆ ได้ทราบก่อนใคร
อย่าลืมติดตามข่าวสารสำคัญแบบเข้มข้น ทันใจ ได้ที่ ข่าวกระแสมาแรงบ้านกีฬา เสมอครับ!