สถานการณ์ภายในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว เริ่มร้อนแรงขึ้นทุกขณะ เมื่อ เรอัล มาดริด เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตำแหน่งกุนซือ โดยมีรายงานว่า “ราชันชุดขาว” จะต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 10 ล้านยูโร หรือประมาณ 360 ล้านบาท หากต้องการกระชากตัว ชาบี อลอนโซ่ นายใหญ่คนเก่งของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มานั่งแท่นกุนซือแทน คาร์โล อันเชล็อตติ หลังจบศึกชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ ในวันที่ 26 เมษายนนี้
กระแสข่าวดังกล่าวยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ เรอัล มาดริด ตกเป็นข่าวพร้อมปลด อันเชล็อตติ ทันทีที่เกมนัดชิงระหว่างพวกเขากับ บาร์เซโลน่า ที่สนามกลางในเมือง เซบีย่า รูดม่านปิดฉากลง ไม่ว่าสถานการณ์จะออกมาเช่นไร ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าหลังการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะมอบหมายให้ใครรับผิดชอบคุมทัพในช่วงที่เหลือของฤดูกาล
สำหรับ ชาบี อลอนโซ่ อดีตขวัญใจแฟนบอลราชันชุดขาว ได้รับการจับตามองอย่างหนักในฐานะตัวเลือกอันดับหนึ่ง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สื่อดังเมืองเบียร์อย่าง “บิลด์” รายงานว่า หาก เรอัล มาดริด ต้องการตัวกุนซือชาวสแปนิชรายนี้จริง จำเป็นต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาที่เหลือจนถึงเดือนมิถุนายน 2026 ให้กับต้นสังกัดอย่าง เลเวอร์คูเซ่น เป็นจำนวน 10 ล้านยูโรตามที่ตกลงกันไว้
รายงานยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า เฟร์นานโด การ์โร่ ซีอีโอของทัพ “ห้างขายยา” ชาวสเปน ได้ทำข้อตกลงเป็นการภายในกับ อลอนโซ่ เอาไว้ว่าหาก เรอัล มาดริด แสดงความจริงจังและยินดีจ่ายค่าชดเชยตามเงื่อนไข สโมสรจะไม่ขัดขวางการย้ายทีมในครั้งนี้ แม้ว่าทางฝั่งมาดริดเองจะคาดหวังว่าจะสามารถเจรจาขอลดจำนวนเงินลงได้ก็ตาม
ขณะเดียวกัน “กาเดน่า เซร์” สื่อดังจากสเปน เผยข้อมูลน่าสนใจว่าระหว่างเกมนัดล่าสุดที่ เรอัล มาดริด ดวลกับ อาร์เซน่อล ได้มีตัวแทนจาก สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล (CBF) ปรากฏตัวบนอัฒจันทร์เพื่อจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นั่นเป็นสัญญาณชัดเจนว่าพวกเขายังไม่ยอมล้มเลิกความพยายามในการโน้มน้าวให้ อันเชล็อตติ ตัดสินใจรับงานคุมทีมชาติบราซิล แม้จะยังไร้บทสรุปอย่างเป็นทางการก็ตาม
ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากการเล็งเป้าไปที่ ชาบี อลอนโซ่ แล้ว ทางฝั่ง เรอัล มาดริด ยังมีแผนสำรองด้วยการหมายตา เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตนายใหญ่ ลิเวอร์พูล ไว้ในลิสต์ผู้จัดการทีมอีกคนหนึ่ง แม้ว่าตัวคล็อปป์เองจะยังคงพักผ่อนหลังจากประกาศอำลาถิ่นแอนฟิลด์ก็ตาม
สำหรับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ต้นสังกัดของ อลอนโซ่ ฤดูกาลนี้ยังคงมีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ในการป้องกันแชมป์ บุนเดสลีกา แม้จะต้องเผชิญกับภารกิจที่หนักหน่วงพอสมควร เนื่องจากพวกเขายังตามหลัง บาเยิร์น มิวนิค ทีมจ่าฝูงถึง 6 แต้ม ขณะที่เหลือโปรแกรมอีกเพียง 5 นัดสุดท้ายเท่านั้น โดยทั้งสองทีมลงสนามไปแล้ว 29 นัดเท่ากัน
บทสรุปสถานการณ์เวลานี้คือ เรอัล มาดริด กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงกุนซือ การตัดสินใจของ อันเชล็อตติ หรือการวางรากฐานเพื่ออนาคตใหม่ในฤดูกาลถัดไป แฟนบอลราชันชุดขาวทั่วโลกคงต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพราะเกมการเมืองลูกหนังครั้งนี้กำลังเดือดระอุ และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของทีมได้ทุกวินาที
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุดได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
